2 พ.ย. 2557

การประยุกต์ใช้


การประยุกต์ใช้  Route Survey
      นำรายวิชา Route Survey  ไปผสมผสานกับรายวิชา  Surveying

ทำให้เราสามารถออกแบบและกำหนดแนวเพื่อการก่อสร้างเส้นทางได้รวมถึงการวางแนวของเสาไฟและกาววางแนวรางระบายน้ำ ทั้งนี้รายวิชา  Route Survey  ยังสามารถออกแบบแนวโค้งในระนาบราบและระนาบดิ่งได้รวมถึงการวางโค้งที่เหมาะกับความเร็วที่แตกต่างกัน และยังสามารถรังวัดเส้นทางและเก็บรายละเอียดสำหรับการออกแบบเส้นทางได้อีกด้วย จากรายวิชานี้จะเห็นได้ว่าเมื่อเรานำรายวิชา Surveying เข้ามาผสมผสานการใช้งานก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลไปวาดแผนภูมิงานดินไปใช้วิเคราะห์ปริมาณดินตัดดินถมได้อย่างถูกต้อง การขุดเจาะในลักษณะต่างๆที่ต้องการความแม่นยำสูง Route Survey   ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในงานนี้



รูปประกอบ

รูปประกอบ

GROUP 5 CivilUp

ขอบคุณสำหรับการเข้าชมครับ

7 ต.ค. 2557

Work Party

ALIGNMENT PARTY และ TRAVERSE PARTY (ดูรูปที่1ประกอบ)
ลักษณะงานคลายกันจะกลาวรวมกันไป  
1) หัวหนาหนวยสํารวจ ( Party Chief )
2) คนจดสมุดสนาม ( Recorder )
3) คนสองกลอง( Instrument Man )
4) ผูชวยคนสองกลองหรือคนสองหมุดหนา ( Assistance Instrument Man )
5) คนดิ่งเทป ( Chainman )



รูปที่ 1










                        


BENCH MARK AND PROFILE LEVELING PARTY (ดูรูปที่2ประกอบ)
1) คนสองกลอง( Instrument Man )
2) คนจดสมุดสนาม  ( Recorder )
3) คนถือไมสตาฟ ( Rod Man )

รูปที่ 2
                       
 CROSSSECTION PARTY (ดูรูปที่3ประกอบ)
1) คนสองกลอง( Instrument Man )
2) คนจดสมุดสนาม ( Recorder )
3) คนถือไมสตาฟ ( Rod Man )
รูปที่ 3











                           
TOPOGRAPHIC PARTY (ดูรูปที่4ประกอบ)
1) คนสองเครื่องมือสองฉาก( Rod Man )
2) คนจดสมุดสนาม ( Recorder )

รูปที่ 4















                             

ที่มา : http://design.drr.go.th/sites/design.drr.go.th/files/2.khantnkaarptibatingaan1-4.pdf (คู่มือปฎิบัติงาน
กระบวนการสํารวจออกแบบ และประมาณราคา)










แนวโค้ง

โค้งวงกลม ( CIRCULAR  CURVE )

รูปแสดงตัวอย่างโค้งวงกลม

ส่วนประกอบของเส้นวงกลม
ความหมายของตัวแปร
PI       คือ จุดสกัด หรือจุดตัดระหว่างแนวเส้นตรงสองแนว ที่มีการเชื่อมโยงด้วยโค้งแนวราบ
∆        คือ มุมบ่ายเบนที่จุด PI
T        คือ ระยะสัมผัสส่วนโค้ง
E        คือ ระยะจากจุดสกัดถึงจุดกึ่งกลางของโค้งแนวราบ
M       คือ ระยะจากกึ่งกลางของเส้นคอร์ดถึงจุดกึ่งกลางของ โค้งแนวราบ
L        คือ ความยาวโค้ง
C        คือ ความยาวของเส้นคอร์ด
R        คือ รัศมีโค้ง
PC      คือ จุดต้นโค้ง
PT      คือ จุดปลายโค้ง

รูปที่ 1.1

รูปที่ 1.2

รูปที่ 1.3

รูปที่ 1.4


ระดับโค้ง

รูปที่ 1.5
รูปที่ 1.6


ความสัมพันธ์ระหว่าง Deflection Angle, arc, chord

รูปที่ 1.8
โค้งดิ่ง Vertical Curve

รูปที่ 2.1 ตัวอย่างโค้งในแนวดิ่ง

รูปที่ 2.1 ตัวอย่างโค้งในแนวดิ่ง

-         โค้งที่ต่อเชื่อมระหว่าง grade line 2 เส้น
-         โค้งดิ่งปกติเป็นโค้ง Parabola
Vertical curve แบ่งเป็น 2 ประเภท
-         Symmetrical cure ระยะราบจาก PVC ถึง PVI เท่ากับ ระยะราบจาก PVT ถึง PVI
-         Unsymmetrical cure ระยะราบจาก PVC ถึง PVI จะไม่เท่ากับ ระยะราบจาก PVT ถึง PVI
Vertical curve แบ่งตามลักษณะการวางตัว
-         Sag vertical curve : โค้งหงาย โค้งกระทะหงาย
-         Crest vertical curve : โค้งคว่ำ โค้งกระทะคว่ำ


รูปที่ 2.3 สมการโค้งดิ่ง

-        การหาค่า Second difference

การหาจุดที่มีค่าระดับต่ำสุดหรือสูงสุดของโค้งดิ่งชนิดสมมาตร






โค้งดิ่งชนิดไม่สมมาตร (Unsymmetrical Vertical Curve)

รูปที่ 2.4 สมการโค้งดิ่งไม่สมมาตร
โค้งกลับทิศทาง : Reversed curve

รูปที่ 3.1 ตัวอย่างโค้งกลับทิศ


โค้งผสมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงข้ามกัน ประกอบด้วยโค้งสองโค้งมีจุด PRC (Point of reverse curve ) เป็นจุดร่วมหรือมีเส้นสัมผัสที่ต่อเชื่อมระหว่างโค้ง เรียกว่า เส้นโค้งผสม ( Intermediate tangent )
โค้งกลับทิศทางต่อกันที่จุด PRC
1.ประเภทที่   1 : รัศมียาวไม่เท่ากัน คำนวณเสมือนโค้งวงกลมสองงวงต่อกัน
2.ประเภทที่  2: รัศมียาวเท่ากัน คำนวณหารรัศมีที่ใช้กับทั้งสองโค้งได้


โค้งกลับทิศทางที่มีเส้นสัมผัสขนานกัน
   รัศมียาวเท่ากัน










รัศมียาวไม่เท่ากัน

โค้งผสม : Compound Curve

รูปที่ 4.1 ตัวอย่างโค้งผสม



โค้งที่ประกอบด้วยโค้งวงกลมและจุดศูนย์กลางหลายโค้งมาต่อกัน และจุดศูนย์กลางโค้งทั้งหมดจะอยู่ซีกเดียวกันของเส้นสัมผัส และรัศมีของโค้งที่เชื่อมต่อกันจะยาวไม่เท่ากัน จุดที่ความยาวโค้งต่อกันคือ Point of compound curve(PCC)
ส่วนสำคัญของโค้งผสม มุมของโค้งร่วม รัศมีของโค้งร่วม (R1)เส้นสัมผัสเส้นยาว/เส้นสั้น(TL/TS)และ  ชองโค้งผสม
ประโยชน์ของโค้งผสม
1.ใช้ในบริเวณที่เป็นภูเขาเพื่อปรับเส้นทาง ถนน ให้เข้ากับภูมิประเทศและเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจร
2.ใช้ในบริเวณทางต่อเชื่อมระหว่างถนนและทางด่วน (Ramp) ที่บริเวณ ทางขึ้นหรือทางลง หรือใช้การออกแบบโค้งของทางแยกต่างระดับ (Interchange) โดยใช้ร่วมโค้งก้นหอย
3.ใช้ในการออกแบบช่องทางสำหรับเลี้ยวในกรณีที่ถนนสายหลักกับถนนสายรองมาตัดกัน

30 ก.ย. 2557

Route Survey คืออะไร


What is a Route Survey?
A Location Control “Route Survey” refers to
surveys executed for the purpose of acquiring an
interest along a linear corridor
การสำรวจดำเนินการเพื่อแสวงหาเส้นทางที่น่าสนใจเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางเดียว

การสำรวจแนวทาง
1.       การสำรวจเบื้องต้น ( Reconnaissance survey )
2.      กาสำรวจขั้นต้น ( ในสนาม ) ( Preliminary survey )
3.      การสำรวจเพื่อออกแบบ ( Location survey )
4.      การสำรวจเพื่อการก่อสร้าง ( construction survey )
การสำรวจเบื้องต้น ( Reconnaissance survey )
การสำรวจทางภาคพื้นดินและทางอากาศ เนื่องจากมีแผนที่รูปถ่ายทางอากาศแล้ว การสำรวจทางภาคพื้นดินแทบจะไม่ได้ใช้เครื่องมือในการสำรวจ นอกจากเข็มทิศชนิด Prismatic compass ระดับมือถือ และ Aneroid  barometer สำหรับหาความสูงของพื้นที่โดยประมาณ
จุดประสงค์ของการวางแนวในขั้นนี้ก็คือ
1.         ให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด และสั้นที่สุด
2.        เพื่อเลือกแนวทางที่ดีที่สุดจากที่กำหนดขึ้นหลายๆแนวทาง
3.        จากการตรวจสอบเส้นชั้นความสูง  จะสามารถหาความลาดชันที่จะต้องใช้ได้
4.        ทราบสภาพของภูมิประเทศและสภาพทาวธรณีวิทยาที่แนวทางผ่าน
5.        สามารถสำรวจปริมาณการจราจรบริเวณที่แนวทางตัดผ่าน เช่น ปริมาณจราจรเฉลี่ยต่อวัน ADT ( Average dialy traffic ) ปริมาณที่ใช้ออกแบบ DHV ( Design hourly volume )
รูปถ่ายทางอากาศที่ใช้ในการออกแบบถนนหรือกำหนดแนวถนน แนวท่อ และแนวสายไฟฟ้าแรงสูงจะเป็น Strip mosaics และ Controlled mosaics ถ้าหากว่าได้ทำ Ground control ซึ่งจะได้รายละเอียดดีกว่าการสำรวจภาคพื้นดิน เพราะได้รายละเอียดครบถ้วน เช่น เขตกรรมสิทธิ์ เขตเมือง 

กาสำรวจขั้นต้น ( ในสนาม ) ( Preliminary survey )
การสำรวจขั้นต้นที่ช่างสำรวจจะต้องทำอันดับแรก เป็นการทำ survey  เพื่อประมาณราคาค่าก่อสร้างแบบหยาบๆ เป็นงานวางแนวทางที่ไม่ใส่โค้งซึ่งจะเป็นวงรอบ ( Traverse ) จะเป็นวงรอบปิดหรือวงรอบเปิดขึ้นอยู่กับแนวทางของถนน โดยวัดระยะ Station ติดต่อกันไปโดยตลอด พร้อมทั้งทำ BM , Profile , X-Section ไปตามแนวเส้น Center line หรือแนว Traverse ที่กล่าวแล้วด้วย ซึ่งจะได้รูปร่างของดินเดิม จะสามารถนำมาคำนวณหาราคาค่าก่อสร้างโดยประมาณได้ ในกรณีที่ต้องการทราบโดยเร็วเพื่อใช้พิจารณาของบประมาณก่อน
          นอกจากนี้บางครั้งก็ต้องทำ Preliminary survey เพื่อใช้ประกอบในการวาง Alignment ( วางแนว ) ในขั้น     ( location survey ) ให้ได้มาตรฐานและสวยงามถูกต้องตามหลักวิชา และประหยัดที่สุด
  การสำรวจเพื่อออกแบบ ( Location survey )
เป็นการสำรวจเพื่ออกแบบ เป็นการทำ survey อย่างละเอียดกำหนดตำแหน่งที่แน่นอนของ center line ซึ่งจะต้องวางโค้งกำหนดตำแหน่งของสิ่งก่อสร้าง เช่น อาคารระบายน้ำ ( Drainage structure ) ตำแหน่งต่างๆ จะต้องทำ RP ไว้อย่างละเอียด เช่น ตำแหน่งของกึ่งกลางลำน้ำ ซึ้งจะมี Spur line อ้างอิง เพื่อใช้เก็บรายละเอียดตำแหน่ง POT จุด PC , PI , PT
การสำรวจเพื่อการก่อสร้าง ( construction survey )
การสำรวจในขั้นนี้จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะให้การก่อสร้างถูกต้องตามแบบหรือเป็นการควบคุมการก่อสร้างและตรวจสอบงานก่อสร้างต่างๆ เช่น ตำแหน่งและระดับการสำรวจจะแบ่งออกเป็นขั้นๆดังนี้

การประยุกต์ใช้
-    ใช้ในการวางแผนงานก่อนจะลงมือทำการสำรวจ
-   ใช้ในการออกแบบ ตำแหน่ง POT จุด PC , PI , PT  ในตำแหน่งที่ไม่สามารถทำงานได้


ที่มา  : ยรรยง ทรัพย์สุขอำนวย การสำรวจเส้นทาง “ 2553

          :    http://docs.lib.purdue.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1235&context=roadschool